Creative Commons คือ

ในสังคมความรู้ยุคดิจิทัล การเผยแพร่ผลงานสร้างสรรค์และองค์ความรู้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม อย่างไรก็ตาม ระบบกฎหมายลิขสิทธิ์แบบดั้งเดิมที่เน้นการ “สงวนสิทธิ์ทั้งหมด” (all rights reserved) มักก่อให้เกิดข้อจำกัดต่อการเข้าถึงและการนำผลงานไปใช้ต่อ (Lessig, 2004) ดังนั้นจึงเกิดแนวทางใหม่ในการบริหารจัดการสิทธิของผู้สร้างสรรค์ผ่าน Creative Commons

Creative Commons คือ รูปแบบการให้สิทธิ์ใช้ผลงาน (License) ที่ช่วยให้เจ้าของลิขสิทธิ์สามารถกำหนดได้ว่าผู้อื่นสามารถนำผลงานไปใช้ได้แค่ไหน อย่างไร และเพื่อวัตถุประสงค์อะไร โดยไม่ต้องมานั่งทำสัญญาใหม่ทีละคน พูดง่าย ๆ คือ เป็นกุญแจมาตรฐาน ที่บอกคนอื่นว่า “คุณสามารถเอางานของฉันไปใช้ได้แบบนี้นะ” ซึ่งช่วยทั้งผู้สร้างสรรค์และผู้ใช้ไม่ให้เกิดความสับสนหรือกลัวว่าจะละเมิดลิขสิทธิ์

ความหมายของสัญลักษณ์ Creative Commons

สัญญาอนุญาต Creative Commons (CC) ไม่ได้มีเพียงรูปแบบเดียว แต่ประกอบด้วย เงื่อนไขย่อย ที่เจ้าของผลงานสามารถเลือกกำหนดได้ ว่าผู้อื่นจะนำผลงานไปใช้ต่อได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อความเข้าใจง่าย ๆ Creative Commons จึงออกแบบเป็น สัญลักษณ์สากล ที่สื่อสารได้ทันที โดยไม่ต้องใช้ถ้อยคำทางกฎหมายยาว ๆ เมื่อเห็นสัญลักษณ์ก็รู้เลยว่าหมายถึงอะไร ใน CC มี สัญลักษณ์หลัก 4 แบบ ที่ใช้ประกอบกันเพื่อสร้างเงื่อนไขต่าง ๆ ได้แก่

1. BY (Attribution – การแสดงที่มา)

ต้องให้เครดิตแก่เจ้าของผลงานเสมอ ไม่ว่าจะนำไปคัดลอก แก้ไข หรือเผยแพร่

  • วิธีให้เครดิตอาจเป็นการใส่ชื่อผู้สร้าง ลิงก์ไปยังแหล่งที่มา หรือบอกว่า “ที่มาจาก…” หรือเขียนตามรูปแบบอ้างอิงต่าง ๆ เช่น APA7

2. SA (Share Alike – เผยแพร่ต่อภายใต้สัญญาเดียวกัน)

ถ้านำผลงานไปดัดแปลงหรือสร้างสรรค์ต่อ ต้องเผยแพร่ผลงานใหม่ ด้วยสัญญาอนุญาตแบบเดียวกัน


3. NC (Non-Commercial – ไม่ใช่เชิงพาณิชย์)

อนุญาตให้นำผลงานไปใช้ได้ แต่ ห้ามใช้ในเชิงพาณิชย์ (เช่น ขาย ทำกำไร หรือโฆษณา)


4. ND (No Derivatives – ห้ามดัดแปลง)

สามารถคัดลอกหรือเผยแพร่ได้ แต่ ห้ามแก้ไข ดัดแปลง หรือสร้างงานใหม่จากผลงานนั้น


5. CC0 (CC Zero / Public Domain Dedication)

เจ้าของผลงาน สละสิทธิ์ลิขสิทธิ์ทั้งหมด เท่ากับว่าผลงานกลายเป็น สาธารณสมบัติ (Public Domain) ทุกคนสามารถนำไปใช้ คัดลอก ดัดแปลง หรือทำอะไรก็ได้ โดยไม่มีเงื่อนไข แต่ทางหลักวิชาการควรที่จะต้องให้เครดิตที่มา

ประเภทของสัญญาอนุญาต Creative Commons

Creative Commons สามารถที่จะiะบุสัญญาอนุญาต.นรูปแบบต่าง ๆ ผสมผสานกันได้ เพื่อช่วยการสร้างสมดุลระหว่างการคุ้มครองสิทธิผู้สร้างสรรค์กับการส่งเสริมให้ผลงานถูกนำไปใช้ประโยชน์ต่อสาธารณะได้มากขึ้น ผ่านสัญญาอนุญาตมาตรฐาน CC มีทั้งหมด 6 แบบ (เรียงจากเปิดกว้างที่สุด ไปจนถึงจำกัดมากที่สุด) และยังมี CC0 หรือ Public Domain ให้เลือกด้วย

1. CC BY

  • ใช้ได้ทุกอย่าง ทั้งคัดลอก แก้ไข ดัดแปลง หรือแม้กระทั่งใช้เชิงพาณิชย์
  • ขอแค่ว่า ต้องให้เครดิตผู้สร้าง

2. CC BY-SA

  • ใช้ได้ทุกอย่างเหมือน CC BY
  • แต่ถ้ามีการดัดแปลง ต้องเผยแพร่ผลงานใหม่ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน (Share Alike)

3. CC BY-NC

  • ใช้ได้ทุกอย่าง ยกเว้น ห้ามใช้เชิงพาณิชย์
  • ต้องให้เครดิตผู้สร้าง

4. CC BY-NC-SA

  • ใช้ได้ทุกอย่าง ยกเว้นเชิงพาณิชย์
  • ถ้ามีการดัดแปลง ต้องเผยแพร่ต่อด้วยสัญญาเดียวกัน

5. CC BY-ND

  • นำไปใช้ได้ทั้งเชิงพาณิชย์และไม่เชิงพาณิชย์
  • แต่ห้ามแก้ไข ดัดแปลง หรือสร้างงานต่อยอด
  • ต้องให้เครดิตผู้สร้าง

6. CC BY-NC-ND

  • เผยแพร่หรือคัดลอกได้ แต่ต้องไม่ใช่เชิงพาณิชย์
  • และ ห้ามแก้ไขหรือดัดแปลง
  • ต้องให้เครดิตผู้สร้าง

7. CC0 (CC Zero / Public Domain Dedication)

  • เจ้าของผลงานสละสิทธิ์ลิขสิทธิ์ทั้งหมด
  • ทุกคนสามารถนำไปใช้ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ได้อย่างอิสระ
  • ไม่มีเงื่อนไขใด ๆ เลย

ตารางเปรียบเทียบสัญญาอนุญาต Creative Commons

ประเภทสัญญาใช้เชิงพาณิชย์ดัดแปลง/แก้ไขเงื่อนไขหลัก
CC BY✅ ได้✅ ได้ต้องให้เครดิตผู้สร้าง
CC BY-SA✅ ได้✅ ได้ แต่ต้องใช้สัญญาแบบเดียวกันให้เครดิต + ต้องเผยแพร่ต่อด้วย CC แบบเดียวกัน
CC BY-NC❌ ไม่ได้✅ ได้ให้เครดิต + ใช้ได้เฉพาะไม่เชิงพาณิชย์
CC BY-NC-SA❌ ไม่ได้✅ ได้ แต่ต้องใช้สัญญาแบบเดียวกันให้เครดิต + ไม่เชิงพาณิชย์ + ต้องใช้สัญญาเดียวกัน
CC BY-ND✅ ได้❌ ห้ามแก้ไขให้เครดิต + ห้ามดัดแปลง
CC BY-NC-ND❌ ไม่ได้❌ ห้ามแก้ไขให้เครดิต + ไม่เชิงพาณิชย์ + ห้ามดัดแปลง
CC0 (Public Domain)✅ ได้✅ ได้ไม่มีเงื่อนไข ใช้ได้อิสระ 100%

ข้อควรพิจารณาก่อนการให้สัญญาอนุญาต (Before Licensing)

ก่อนที่เราจะเลือกใช้สัญญาอนุญาต Creative Commons (CC License) หรือ CC0 มีสิ่งสำคัญที่ต้องคิดให้รอบคอบ ดังนี้

  1. สัญญาอนุญาตเพิกถอนไม่ได้ เมื่อคุณเลือกใช้ CC หรือ CC0 แล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนใจหรือยกเลิกย้อนหลังได้ หมายความว่า ถ้ามีใครได้งานของคุณไปพร้อมกับ CC License แล้ว เขามีสิทธิใช้ตามนั้นไปตลอดอายุลิขสิทธิ์ แม้คุณจะเลิกเผยแพร่ภายหลัง
  2. คุณต้องเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์จริง ๆ เฉพาะเจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้นที่สามารถให้ CC License หรือ CC0 ได้ ถ้าคุณไม่ได้เป็นเจ้าของ เช่น งานที่ทำในนามบริษัทหรืองานที่จ้างทำ ลิขสิทธิ์อาจจะไม่ใช่ของคุณ
  3. ตรวจสอบเนื้อหาที่ใช้ร่วมกับผู้อื่น หากผลงานมีองค์ประกอบที่ไม่ใช่ของคุณ เช่น เพลง ภาพ หรือข้อความที่มีลิขสิทธิ์คนอื่นอยู่ คุณต้องมั่นใจว่ามีสิทธิใช้งานหรือนำมารวมก่อน ไม่เช่นนั้นอาจละเมิดผู้อื่น

วิธีการนำ CC License หรือ CC0 ไปใช้กับผลงาน

การใส่สัญญาอนุญาต Creative Commons ให้กับผลงานทำได้ง่าย ๆ เพื่อให้คนอื่นรู้ว่าเขาสามารถใช้ผลงานคุณได้ โดยการใส่สัญญาอนุญาต Creative Commons ให้กับผลงานทำได้ง่าย ๆ เพื่อให้คนอื่นรู้ว่าเขาสามารถใช้ผลงานคุณได้ หรือเราสามารถใช้ CC License Chooser เพื่อใช้ในการกำหนดเงื่นไขของ Creative Commons ได้

การใช้งานจะต้องประกาศให้ชัดเจนว่าผลงานใช้สัญญาแบบไหน สามารถใช้การเขียนระบุไว้ในงานของคุณเสมอ เช่น

  1. ข้อความระบุลิขสิทธิ์แบบง่าย ๆ : © 2025. ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต CC BY 4.0
  2. ใส่โลโก้ลงไปในชิ้นงาน : โดยสามารถดาวน์โหลดใช้งานได้จาก https://creativecommons.org/mission/downloads/
  3. ถ้าเป็นเว็บไซต์ ใส่ข้อความพร้อมลิงก์ไปยังหน้า CC License : © 2025. ผลงานนี้เผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต CC BY 4.0

โดยทั้ง 3 รูปแบบนี้สามารถใช้ผสมผสานกันได้ทั้งหมด

สัญญาอนุญาต (License Version) CC BY 4.0

สัญญาอนุญาต (License Version) 4.0 เป็นเวอร์ชันล่าสุดของสัญญาอนุญาต Creative Commons (ออกปี ค.ศ. 2013) มีการปรับปรุงจากเวอร์ชันเก่า (เช่น 3.0, 2.0) ให้ทันสมัยและครอบคลุมการใช้งานมากขึ้น

จุดเด่นของ CC 4.0 เทียบกับเวอร์ชันก่อนหน้า

  1. ใช้ได้ทั่วโลก (International License) จากเดิมที่แต่ละประเทศอาจต้องมีเวอร์ชันท้องถิ่น (ported license) CC 4.0 ถูกออกแบบให้ใช้ได้กับทุกประเทศ โดยไม่ต้องแปลกฎหมายใหม่
  2. ครอบคลุมสิทธิ์มากขึ้น ไม่ใช่แค่ “ลิขสิทธิ์” แต่ยังรวมถึงสิทธิ์อื่น ๆ เช่น สิทธิในฐานข้อมูล (Database rights) ที่บางประเทศคุ้มครอง
  3. ชัดเจนเรื่องการให้เครดิต (Attribution) บอกวิธีการให้เครดิตที่ยืดหยุ่นขึ้น (สามารถใช้ลิงก์, ข้อความ, หรือวิธีอื่น ๆ ที่เหมาะสมตามสื่อ)
  4. ปรับปรุงเรื่องการเลิกใช้สิทธิ์ (Termination) ถ้าใครละเมิดสัญญา สิทธิ์จะถูกเพิกถอน แต่ถ้าแก้ไขให้ถูกต้องแล้ว สิทธิ์จะกลับมาอีกครั้ง
  5. สนับสนุนงานทุกประเภท ใช้ได้กับข้อความ, เพลง, วิดีโอ, งานศิลปะ, ข้อมูลวิจัย, ฐานข้อมูล ฯลฯ

เอกสารอ้างอิง

Creative Commons. (2023). About the licenses. https://creativecommons.org/licenses/

Lessig, L. (2004). Free culture: The nature and future of creativity. Penguin Press.

Graphic Design และ Content Creator ที่หลงใหลในการเขียน Content และเชื่อว่า Content เป็นสิ่งสำคัญในการสื่อสารกับทุก ๆ คน